top of page

NO.1 HIPHOP MAGAZINE ONLINE IN THAILAND

11 หนังฮิพฮอพยอดเยี่ยมตลอดกาล!



เชื่อว่าแฟนๆฮิพฮอพหลายคนอาจจะเกิดไม่ทันยุคของแร็พเปอร์ที่ตนเองชื่นหรืออาจเป็นเพราะช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นแร็พเปอร์ระดับตำนานอย่าง 2Pac, Biggie หรือแม้กระทั่ง Eazy-E รวมไปถึงปรมจารย์ผู้ล่วงหลับหลายต่อหลายท่านที่ไม่ได้เอ่ยถึง ก็ต้องอาศัยภาพยนตร์อัตชีวประวัตินี่แหละเข้ามาช่วยประกอบภาพนั้นๆขึ้น และถึงแม้ว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับฮิพฮอพจะถูกสร้างกันมากมายเป็นว่าเล่น แต่นี่คือ 11 หนังฮิพฮอพยอดเยี่ยมตลอดกาล! ที่เราอยากแนะนำให้คุณชม

8 Mile (2002)

Eminem แจ้งเกิดเป็นซุปตาร์เต็มตัวโด่งดังไปทั่วโลกกับหนังกึ่งอัตชีวประวัติของตนเอง โดยในเรื่อง 8Mile นี้ Eminem รับบทสมมติเป็น B-Rabbit ชายหนุ่มผู้ต้องเผชิญหน้ากับความกดดัน และความกลัวของตนเองในการย่างก้าวเข้าสู่วัฒนธรรมฮิพฮอพของคนดำ และครอบครัวที่แตกแยก ซึ่งต้องยอมรับว่าฉากสุดท้ายที่ตัวเอกของเรื่องต้อง Battle กับ Papa Doc นั้นนับเป็นฉากระดับตำนานขึ้นหิ้งอันดับ 1 ไปอย่างไม่ต้องสงสัย




All Eyez On Me (2017)

ต้องเรียกว่าพงศาวดารฉบับเคลื่อนไหวน่าจะเหมาะกว่าคำว่าหนังสำหรับ All Eyez On Me ชีวประวัติของ Tupac Shakur ที่นำแสดงโดย Demetrius Shipp Jr. โดยเนื้อเรื่องหลักดำเนินไประหว่างความสัมพันธ์ของ Pac กับ Jada Pinkett (Smith) ที่แสดงโดย Kat Graham รวมไปถึงการทะเลาะเบาะแว้งครั้งปฏิวัติศาสตร์กับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่าง Biggie ที่แสดงโดย Jamal Woolard

ตัวหนังจะพาย้อนเรากลับไปดูความเป็นอยู่ของ 2Pac ตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม จนกระทั่งกลายมาเป็นตำนาน, การถูกจองจำภายในคุก, การต่อสู้กับอำนาจที่มองไม่เห็น และช่วงเวลาสุดแสนอันตรายกับ Death Row Records




Friday (1995)

ยังคงติดชาร์ตหนังในดวงใจของบรรดาชาวฮิพฮอพทั่วโลก จากการเขียนบทเองเล่นเองของไอคอนอีกคนของวงการอย่าง Ice Cube และ DJ Pooh เพื่อนซี้ โดยในตัวหนังนำมาจากเรื่องจริงของการใช้ชีวิตอันยากลำบากภายใน LA แต่ก็ยัดใส่มุกตลกจนกลายเป็นเรื่องไม่เครียดไปในทันที แถมการแสดงของ Chris Tucker นักแสดงตลกชื่อดังในเรื่องนี้นับเป็นการแสดงที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยมีมา ยิ่งไปกว่านั้นคือเราจะได้ฟังเพลงฮิพฮอพสุดคลาสสิคตลอดทั้งเรื่องเลยทีเดียว




Boyz N The Hood (1991)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังฮิพฮอพที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของวงการจนถึงปัจจุบัน เขียนบทและกำกับโดย John Singleton นำแสดงโดย Ice Cube, Cuba Gooding Jr, Morris Chestnut และ Larry Fishburne ที่รับบทเป็นกลุ่มข้างถนน ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างดิ้นรนภายในย่านเครนชอว์ ลอสแองเจลิสซึ่งการแสดงที่ขาดประสบการณ์ของพวกเขาสมัยวัยรุ่นนี้เอง ที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความสมจริงสุดๆ


Notorious (2009)

หนังอัตชีวประวัติบางส่วนของ The Notorious B.I.G. หรือ Biggie ยอดแร็พเปอร์อัจฉริยะอีกคนของโลก โดยในหนังเริ่มฉายภาพตั้งแต่ก่อนที่ Biggie จะก้าวเข้าสู่วงการเพลงยาวไปจนถึงปัญหารักๆใคร่ๆตามประสาคนดัง อีกทั้งยังนำเสนอการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างเขากับ 2Pac อดีตเพื่อนซี้ไว้ในอีกแง่มุมหนึ่งได้อย่างน่าสนใจทีเดียว เรื่องนี้ผู้เขียนเคยดูแบบซับไทยแล้ว ไปหาชมกันนะ ถ้านึกอารมณ์ไม่ออก หาหนังดูเต็มๆไม่ได้ เปิดเพลง “Sky the limit” ฟังไปพลางๆก่อน เพราะเพลงนี้แทบจะสรุปชีวิต Biggie ไว้เลยล่ะ



Hustle and Flow (2005)

นำแสดงโดยนักแสดงมากฝีมืออย่าง Terrance Howard รับบทเป็น DJay แมงดาตัวแสบและคนขายยาตัวเอ้ของท้องถิ่นที่ประสบปัญหาชีวิตในช่วงวัยกลางคนภายใต้บรรยากาศเมืองเมมฟิส, รัฐเทนเนสซี ซึ่งคุณจะรับรู้ได้ถึงความกดดันของคนที่ต้อง “รีบ” และ “ไหล” ไปตามเส้นทางดนตรี เพื่อที่จะทิ้งฝันร้ายไว้ข้างหลังนั่นเอง แถมเรื่องนี้ยังได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม ด้วยเพลงที่มีชื่อว่า "It's Hard Out Here For A Pimp" ในปีถัดมาอีกด้วย (2006)


Office Space (1999)

หลายๆคนอาจจะงงว่านี่มันหนังเรื่องอะไรกันวะ? แต่นี่คือหนังที่มีเพลงประกอบ OST ที่ดีที่สุดที่เคยมีมาเรื่องหนึ่งในวงการฮิพฮอพเลยทีเดียว เพราะได้แร็พเปอร์ของยุคอย่าง Ice Cube, Geto Boys และ Canibus มาร่วมสร้างตำนานบทนี้ด้วยกัน ส่วนในตัวหนังนั้นจะพาเราไปรู้จักกับโลกธุรกิจอันแสนน่าอดสู ภายใต้การคำรามตื่นของวิญญาณความเป็นฮิพฮอพผ่านเสียงเพลง ซึ่งในเพลง "Damn it feels good to be a gangsta" นั้นนับเป็นเพลงที่อยู่คู่ฉากเด็ดของเรื่องและเป็นตำนานอีกชิ้นหนึ่งของวงการไปแล้ว



Straight Outta Compton (2015)

ตอนมีโอกาสได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงวันแรกที่เข้าฉายต้องบอกว่าประทับใจมากจริงๆกับหนังชีวประวัติของ N.W.A. แก๊งแร็พระดับตำนานที่เล่าย้อนไปตั้งแต่วันเริ่มก่อตั้งจนถึงจุดจบของความยิ่งใหญ่ ในแง่รายได้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากมายอย่างไม่ต้องสงสัยด้วยการทำรายได้ 150 ล้านเหรียญฯ และถ้าจะไม่พูดถึงฉากตำนานบนเวทีที่ทุกคนร่วมร้องเพลง Fuck Tha Police กันแบบสุดเหวี่ยงแล้ว คงจะเป็นไปไม่ได้


How High (2001)

ดูโอระดับตำนานอย่าง Method Man และ Redman ฝากการแสดงสุดขำแต่คลาสสิคไว้ให้เราได้ชมกันในบทบาทคู่หูสุดกวนที่เข้าไปพัวพันกับกัญชาแทบทั้งเรื่อง รับรองว่าคุณจะต้องขำจนแทบลืมหายใจเลยทีเดียว ส่วนเพลงประกอบต้องบอกว่ารางวัลแกรมมี่, รางวัลทองคำ หรือแม้แต่แพลทตินัมเค้าก็ได้กันมาหมดแล้วทำให้หนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้รู้สึกสนุกผ่อนคลายที่สุดในบรรดาหนังทั้งหมดที่แนะนำกันมาเลยทีเดียว



Get Rich or Die Trying (2005)

ตามรอยอาจารย์อย่าง Eminem เลยทีเดียวสำหรับ 50Cent ที่รับบทเป็นพระเอกในหนังที่มีชื่อเดียวกันกับอัลบั้มเดบิวท์ของเขา ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ดังเปรี้ยงเท่าที่ควรเนื่องจากในหนังมีเนื้อหาความรุนแรง รวมกับบุคลิกของตัว Fif เองที่ชอบมีปัญหากับศิลปินอื่นอยู่บ่อยครั้ง แต่การแสดงในหนังเรื่องนี้ต้องบอกว่าดีพอที่จะทำให้นักวิจารณ์ต้องหุบปากไปพักใหญ่ ก่อนที่ Fif จะรับบทในหนังเรื่องอื่นๆตามมาอีกหลายเรื่อง


Menace II Society (1993)

หยาบคาย ดิบ เถื่อน แต่เด็ดเดี่ยว นี่คือคำจำกัดความของหนังเรื่องนี้ โดยเนื้อหาพูดถึง Cain ฮัสท์เลอร์ตัวแสบที่ต้องเผชิญกับอันตรายทุกรูปแบบภายในย่านสลัมของมหานครลอสแองเจลิส พร้อมกับบรรยากาศการดำเนินเรื่องที่ต้องบอกว่าพาเราเข้าถึงชีวิตของนักเลงหรือแก๊งสเตอร์เมืองนอกได้แบบสะอารมณ์สุดๆกันไปเลยทีเดียวเชียว และถึงแม้หนังจะออกแนวดิบ เถื่อน แต่เพลงประกอบกับให้ความรู้สึกชิลล์ และเย็นยะเยือกแบบบอกไม่ถูก


หวังว่าอนาคตน่าจะมีหนังมาทำลายทุกสถิติความรู้สึกจากหนังทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นลงได้ อย่างน้อยๆเราก็จะได้เห็นภาพของวงการฮิพฮอพในมุมที่หลากหลายหรืออาจจะไม่เคยเห็นมาก่อนก็เป็นได้ แล้วเราจะนำมาฝากกัน

Comentarios


โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
โพสต์ยอดนิยม
โพสต์ล่าสุด
Archive
No tags yet.
bottom of page