ฉลองครบรอบ24ปี!"Wu Tang Clan"!
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993, Wu-Tang Clan ได้ทำการปล่อยอัลบั้มเดบิวท์ที่มีชื่อว่า “Enter the Wu-Tang (36 Chambers) ออกสู่สายหูสายตาประชาชี โดยได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงบวกจากสื่อทุกแขนง จนกลายมาเป็นอัลบั้มสุดคลาสสิคของชาวฮิพฮอพตลอดกาล และหากจะเรียกว่าพวกเขาคือ “ต้นแบบ” ของศิลปินฮิพฮอพตั้งแต่ยุค 90s จนถึงปัจจุบัน ก็คงจะไม่ห่างไกลความจริงเกินไปนัก และเพื่อเป็นการสดุดีให้กับวงแร็พระดับตำนานอย่าง Wu-Tang Clan วันนี้เราจะพาคุณไปรู้เบื้องลึก “24 ข้อ ที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ วู-แทง แคลน!”
1.ชื่อ Wu-Tang Clan ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์กำลังภายในแนวกังฟูของฮ่องกงที่มีชื่อว่า "Shaolin and Wu-tang" หรือชื่อไทยว่า “บู๊ตึ้งซัดเสี่ยวลิ้มยี่“ นำแสดงโดยยอดปรมาจารย์อย่าง หลิว เจีย ฮุย ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Shaw Brothers ซึ่งออกฉายเมื่อปี 1983 ว่าด้วยเรื่องของการเป็นอริของ 2 สุดยอดวิชาจาก 2 ยอดสำนักแห่งยุคอย่าง “เส้าหลิน”(เสี้ยวลิ้มยี่) และ “อู่ ถัง” (บู๊ตึ๊ง) ที่ต้องมาห้ำหั่นกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งในใต้หล้านั่นเอง
นอกจากนี้ ชื่ออัลบั้มแรกของพวกเขาอย่าง Enter the Wu-Tang (36 Chambers) นั้นก็มีที่มาจากความหมกมุ่นในภาพยนตร์แนวกังฟูเช่นเคย โดย คำว่า 36 Chambers นั้น มาจากหนังกังฟูไตรภาคระดับตำนานที่มีชื่อว่า “The 36th Chamber Of Shaolin” หรือ ยอดมนุษย์ยุทธจักร แสดงนำโดย หลิว เจีย ฮุย คนเดิม ซึ่งรับบทเป็น "หลวงจีนซันเต๋อ" ที่ต้องฝ่า 35 ด่านอรหันต์เพื่อสำเร็จยอดวิชาแห่งเส้าหลิน และกลับไปแก้แค้นแทนบิดามารดาที่โดนพวกแมนจูฆ่าตาย
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวความสำเร็จถึงขั้นมีภาคต่อตามออกมาอีก 2 ภาค ได้แก่ Return To The 36th Chamber (ยอดเซียนยอดมนุษย์ ออกฉายเมื่อปี1980) และ Disciples Of The 36th Chamber (เพชฌฆาตลมกรด ออกฉายเมื่อปี 1983) ซึ่งนับเป็นไตรภาคหนังกังฟูที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ แถมยังข้ามโลกไปดังที่อเมริกาภายใต้ชื่อ Master Killer 1-3 อีก โดยเฉพาะในกลุ่มคนผิวสีจน หลิว เจีย ฮุย กลายเป็นนักบู๊ขวัญใจของแวดวงฮิปฮอปไปโดยปริยาย และถ้าคุณเป็นแฟนเพลงของ Wu-Tang ล่ะก็ ต้องเคยได้ยิน Sample ที่ตัดมาจากหนังไปใส่ในเพลงของพวกเขากันบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ?
2.หลายๆคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า Wu-Tang Clan นั้นมีจุดกำเนิดมาจาก New York โดยสมาชิกทั้ง 6 คน อย่าง RZA, Ghostface Killa, Inspectah Deck, Method Man, U-God และ Raekwon เติบโตมาในเกาะสเตทเธน ทางใต้ของเมือง ส่วนอีก 3 คนที่เหลือ ได้แก่ ODB , Masta Killa และ GZA นั้นโตมาจากแถบบรู๊คลิน
3.ในช่วงแรกๆของการใช้ชีวิตในฐานะศิลปินไม่ว่าจะประเทศไหนๆก็ไม่เคยง่าย เชื่อหรือไม่ว่า? ยอดแร็พเปอร์อย่าง Ghostface Killa นั้นเคยอาสาทำงานพาร์ทไทม์ขับรถยกของในซุเปอร์มาร์เก็ตมาแล้ว เพื่อที่จะนำเงินมาจุนเจือสถานะของวงให้ดำเนินต่อไปได้ เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นเพื่อนร่วมวงแล้ว ยังเป็นเพื่อนร่วมชีวิตกันอีกด้วย
4.ซิงเกิลแรกที่ทำให้พวกเขากลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืนอย่าง “Protect Ya Neck” ใช้งบประมาณในการบันทึกเสียงเป็นเงินทั้งสิ้น 300 เหรียญสหรัฐ แต่ในขณะนั้นพวกเขามีเงินจ่ายเพียงเศษ 1 ส่วน 4 เท่านั้น
5.Method Man เกือบจะไม่ได้กลายเป็นยอดแร็พเปอร์กับเขาแล้วหลังจากที่เขาเคยถูกลอบยิงขณะขับรถ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องก่อนที่วงจะถูกฟอร์มขึ้นมา และก็คงไม่แปลกนักที่หัวโจกอย่าง RZA จะมีคดีพยายามฆ่าติดตัวมาบ้างเล็กๆน้อยก่อนจะพ้นโทษในปี 1993 ทันก่อนออกอัลบั้ม Enter the Wu-Tang (36 Chambers) พอดิบพอดี
6.Wu-Tang Clan ถือเป็น Clan ที่ใช้ Aka เปลืองมาก และอย่าแปลกใจหากคุณได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยเหล่านี้ ซึ่งที่เรานำมาเป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยเท่านั้น
RZA – Bobby Digital, Prince Rakeem
GZA – The Genius
Method Man – Meth, Johnny Blaze, Tical
Raekwon – Raekwon the Chef, Lou Diamonds
Ghostface Killah – Iron Man, Tony Stark, Ghost Deini
Ol’ Dirty Bastard – O.D.B., Dirt McGirt, Dirt Dog
Inspectah Deck – Rebel INS
U-God – Golden Arms
Masta Killa – Noodles
7.เมื่อคราวที่ Ol’ Dirty Bastard หนีออกจากสถานบำบัดยาเสพย์ติด เมื่อราวๆปี 2000, เขาเอาแต่หลบหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและใช้ชีวิตเหมือนผู้ลี้ภัยทางกฏหมายก็มิปาน จนมาถึงวันงานคอนเสิร์ตใหญ่ของ Wu-Tang ก็ปรากฏร่างของ ODB วิ่งขึ้นเวทีพร้อมกับร้องเพลงฮิตของเขาอย่าง “Shimmy Shimmy Yaw” ได้เพียงท่อนเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะจรลีลี้หนีออกจากคอนเสิร์ตทันทีเพื่อหลีกหลบการจับกุมนั่นเอง
หลังจากนั้นเพียง 1 เดือนเศษๆ ODB ก็ถูกจับกุมตัวไว้ได้ ขณะที่เขากำลังมอบลายเซ็นให้กับแฟนคลับที่มารุมทึ้งเขาภายใน McDonald สาขาแถวบ้าน บทจะพลาดก็พลาดกันง่ายๆเสียแบบนี้
8.Nas คือ ศิลปินนอกแก๊งคนแรกจากกว่า 150 ศิลปิน ที่เคยร่วมงานกับ Wu-Tang Clan ในระยะเวลาตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่ง Nas ปรากฏตัวร่วมกับชาว Wu ครั้งแรกด้วยการที่ Raekwon ชวนเขามาร่วมร่ายกลอน ในเพลง “Verbal Intercourse” เพลง Side B จากอัลบั้มเดี่ยวระดับมาสเตอร์อัลบั้มแรกของ Raekwon ที่มีชื่อว่า Only Built 4 Cuban Linx เมื่อปี 1995 นั่นเอง
9.สมาชิกดั้งเดิมของ Wu-Tang Clan มีเพียง 9 คนเท่านั้น ประกอบไปด้วย RZA, GZA, Method Man, Raekwon, Ghostface Killah, Ol’ Dirty Bastard, Inspectah Deck, U-God และ Masta Killa ส่วนทางด้าน Cappadonna เพิ่งจะถูกบรรจุให้เป็นสมาชิกคนที่ 10 อย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา
10.หลังจากที่อัลบั้ม Enter the Wu-Tang (36 Chambers) ออกวางขาย ทำให้พวกเขามีรายได้ทะลุเป้า จนเป็นที่มาของการซื้อบ้านหลังเล็กๆในเกาะสเตทเธนบ้านเกิดของพวกเขา เพื่อใช้เป็นกองบัญชาการ “Wu-Tang Records” ก่อนที่บ้านหลังดังกล่าวจะถูกขายทอดตลาดในราคาสูงถึง 250,000 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2002
11.หน้าปกอัลบั้ม Enter the Wu-Tang (36 Chambers) ปรากฏภาพสมาชิกของ Wu-Tang เพียง 6 คน จาก 9 คนเท่านั้น เนื่องจากสมาชิกที่เหลือไม่สามารถเดินทางมาถ่ายภาพเพื่อใช้เป็นปกอัลบั้มในวันนั้นได้ พวกเขาทั้ง 6 คนและทีมงานจึงรวมหัวกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการ มาแค่ไหนถ่ายแค่นั้น! มิหนำซ้ำยังจับให้ทุกคนใส่หน้ากากปกปิดเพื่อไม่ให้รู้ว่าใครเป็นใครอีกด้วย
สำหรับ 3 คนที่ไม่มาร่วมถ่ายภาพพร้อมกับเพื่อนๆในวันนั้น ยังระบุไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ว่าเป็นใครด้วยเหตุผลอะไรบ้าง แต่ที่รู้ๆ 1 ในนั้นต้องมีตัวแสบอย่าง Ol’ Dirty Bastard แบบเชื่อขนมกินได้แน่ๆ
12.เป็นที่ทราบกันดีว่า RZA หัวหน้าวงโดยพฤตินัยของชาว Wu คือสุดยอดศิลปิน โปรดิวเซอร์ นักธุรกิจและนักเจรจาระดับเวิลด์คลาส เพราะนอกจาก Wu-Tang Clan จะเซ็นสัญญาในฐานะศิลปินกลุ่มฮิพฮอพกับยอดค่ายเพลงอย่าง Loud/RCA แล้ว สมาชิกทั้งหมดยังสามารถเซ็นสัญญาในฐานะศิลปินเดี่ยวกับค่ายใดก็ได้อีกด้วย จากการระบุในสัญญาอันชาญฉลาดของ RZA ตั้งแต่แรก
“พวกเราพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ, การที่เราเซ็นสัญญาในฐานะศิลปินกลุ่มไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกผูกมัด, ศิลปินทุกคนของ Wu-Tang สามารถจะออกไปอยู่กับค่ายไหนก็ได้ที่เราต้องการในฐานะศิลปินเดี่ยว” RZA ร่ายต่อ “อย่าง Method Man ก็ไปออกเดี่ยวกับ Def Jam, Ghostface Killa ไปร่วมงานกับ Sony , GZA ก็ไปได้สวยกับ Geffen Records ส่วน Raekwon ก็เซ็นออกเดี่ยวกับ Loud/RCA ค่ายเดิม” คุณเข้าใจผมไหม นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมจะสื่อล่ะ”
13.สมาชิกคนใดใน Wu-Tang Clan ที่ทำยอดขายอัลบั้ม Solo สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งวงขึ้น?หลายๆคนคงเดาว่า RZA หรือไม่ก็ Method Man แต่แท้จริงแล้วอัลบั้ม Solo ที่ทำยอดขายได้สูงเป็นประวัติกาลของชาว Wu นั้นคือ “Only Built 4 Cuban Linx” อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกในชีวิตของ Raekwon ที่สูสีคี่คู่ไปพร้อมกันกับ “Liquid Swords” อัลบั้มแรกของ GZA ที่ปล่อยออกมาในเวลาใกล้เคียงกันเมื่อปี 1995 นั่นเอง
14.ในปี 1995 ซึ่งนับได้ว่าเป็นปีทองของ Wu-Tang โดยแท้จริงหลังจากประสบความสำเร็จด้านงานเพลงแล้ว พวกเขาก็ก้าวไปอีกขั้นด้วยการกระโดดเข้าสู่แวดวง Clothing Line ซึ่งเรียกได้ว่า Wu-Tang นั้นเป็นต้นแบบของการทำธุรกิจให้กับศิลปินฮิพฮอพรุ่นหลังอย่างแท้จริง ที่แม้แต่เจ้าพ่อแร็พเปอร์อย่าง Puff Daddy ,Jay-Z หรือ 50 Cent ต่างก็เดินตามเส้นที่ Wu-Tang ลากไว้ทั้งสิ้น จนกระทั่งปัจจุบัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าดนตรีกับแฟชั่นเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร และถ้าเปรียบปลาในตลาดเป็นศิลปิน แล้วเกล็ดงอกไม่สวย หางเบี้ยว ตัวลีบ ครีบแหว่ง ก็น่าจะไม่ใช่การอยู่ในตลาดที่ดีสักเท่าไหร่นัก?
15.มีการบันทึกสถิติความยอดเยี่ยมของ Wu-Tang เกือบทุกประเภทที่โลกนี้จะนึกได้ 1 ในนั้นคือ การจัดอันดับท่อนเปิดยอดเยี่ยมตลอดกาล หรือ Best Opening Verse of all times โดยผู้ที่ได้รับเกียรติยศนี้ไปครองได้แก่ Inspectah Deck ที่รับหน้าที่เปิดหัวในเพลง “Triumph” จากอัลบั้ม Wu-Tang Forever เมื่อปี 1997 นั่นเอง
16.Wu-Tang Forever อัลบั้มที่ 2 ของพวกเขานับเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Wu-Tang Clan หลังจากทำยอดขายถล่มทลายจากการเปิดตัวสัปดาห์แรก 612,000 แผ่น พร้อมทะยานขึ้นอันดับ 1 ใน Billboard 200 พ่วงด้วย 4 รางวัลแผ่นแพลทตินัมการันตีจาก RIAA (Recording Industry Association of America) แถมด้วยการคว้ารางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ครั้งที่ 40 ในสาขา Best Rap Album เมื่อปี 1998 มาครองอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย ซึ่งการออกอัลบั้มแบบ 2 CD ของพวกเขานับเป็นต้นแบบให้กับศิลปินรุ่นน้องทั่วทั้งวงการฮิพฮอพได้ทำตามกันสืบมา
สำหรับยอดขายที่พวกเขาทำได้อย่างไม่เป็นทางการจากอัลบั้ม Wu-Tang Forever มีการบันทึกไว้เพียง 2 ล้านแผ่นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่านั่นเป็นเพียงเศษ 1 ส่วนเยอะจากรายได้ที่พวกเขาได้รับเท่านั้น
17.ใน Wu-Tang Clan มีสมาชิกคนหนึ่งที่ถูกผีเกมเมอร์เข้าสิงมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย เรียกได้ว่าเล่นมันทุกเกมส์ทุกเครื่องเล่น ร่างทรงที่ว่าก็คือ Method Man นั่นเอง ซึ่งถ้าหากใครเป็นแฟนเกมส์ในแพลทฟอร์ม Xbox แล้วล่ะก็, คุณสามารถตามหาตัว Method Man ได้ไม่ยากภายใต้ชื่อ MethodManGWF ใน Xbox Live
18.เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา Wu-Tang Clan ทำการปล่อยอัลบั้มมาสเตอร์พีซที่มีชื่อว่า “Once Upon a Time in Shaolin” ซึ่งผลิตออกมาเป็นแผ่นไวนิลเพียงแผ่นเดียวในโลกเท่านั้น โดยใช้เวลาทั้งหมดในการรังสรรค์ผลงานชิ้นนี้กว่า 6 ปีเลยทีเดียวแถมยังเก็บเป็นความลับดำสนิทอีกด้วย และผู้ที่ได้มันไปครอบครองจะไม่สามารถนำไปแชร์หรือผลิตซ้ำด้วยวิธีใดๆก็ตามเป็นเวลา 88 ปีนับจากวันที่อัลบั้มนี้ถูกประกาศออกวางขาย ซึ่งเราต้องรอกันถึงปี 2102 เลยทีเดียวกว่าพวกเราจะมีโอกาสได้ฟังแบบเต็มอัลบั้มให้เป็นบุญหูตามสื่อต่างๆ
19.ผู้ที่ทุ่มเงินซื้ออัลบั้ม “Once Upon a Time in Shaolin” เอาไปนอนฟังสบายใจเฉิบ คือ มาร์ติน ชเครลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.ทัวริง ฟาร์มาซูติคอลส์ (Turing Pharmaceuticals) ที่กำเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ แลกกับอัลบั้มตำนานอัลบั้มนี้ไปครองแบบพลิกความคาดหมาย เมื่อปี 2015 ส่งผลให้ Wu-Tang Clan กลายเป็นเจ้าของอัลบั้มเพลงที่ทำเงินมากที่สุดในโลกไปโดยปริยาย
ซึ่งแฟนเพลงของ Wu-Tang ในสหรัฐฯแสดงความไม่พอใจเท่าไหร่นักเพราะ ชเครลี เพิ่งมีประเด็นสะเทือนโลกอย่างการซื้อบริษัทผลิตยาต้านโรคเอดส์และอาการติดเชื้อปรสิต และส่อขึ้นราคายาอย่างดื้อๆ ในช่วงนั้นนั่นเอง แต่แฟนเพลงคนอื่นๆ ก็มองโลกในแง่ดีว่าอย่างน้อยๆชีวิตนี้ของพวกเขาที่เหลือ อาจได้มีโอกาสฟังผลงานในสุดยอดอัลบั้มนี้เหมือนกัน ตราบใดที่ชเครลี แจกฟรีไม่ได้ขายทำรายได้ก็เป็นได้
20.RZA โต้โผหลักของทีมนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอีก 2 สมาชิกอย่าง ODB และ GZA ซึ่งก่อนที่ Wu-Tang Clan จะก่อร่างสร้างตัวขึ้น พวกเขาทั้ง 3 คนเคยฟอร์มวงตะลุยอันเดอร์กราวด์กันมาก่อนในนาม FOI หรือ Force of the Imperial Master
21.หลังจากการเสียชีวิตของ ODB จากการเสพย์ยาเกินขนาดทำให้ Wu-Tang Clan ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ยิ่งตอนเล่นคอนเสิร์ตด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องที่สุดจะบรรยายจน Method Man ต้องแอบร้องไห้ระหว่างเล่นคอนเสิร์ตอยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นเป็นเรื่องหลังจากที่เขาไม่อยู่แล้ว เพราะตอนที่มีชีวิตอยู่นั้น ODB นับเป็นตัวแสบที่สุดของทีมก็ว่าได้ ด้วยปัญหาส่วนตัว, ยาเสพย์ติด ตารางงานที่ไม่ลงตัว และ ตำรวจที่ตามเล่นงานเขา ทำให้ ODB พลาดเล่นคอนเสิร์ตกับ Wu-Tang อยู่หลายหน
นึกแล้วก็อดสงสาร Method Man เสียไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่มีชีวิตอยู่ ODB ก็ทำให้เพื่อนร้องไห้ได้เสมอไปสิน่ะ
22.ในอัลบั้มที่ 3 ของพวกเขาที่มีชื่อว่า “The W” ที่ปล่อยออกมาเมื่อปี 2000 นั้น Wu-Tang Clan ต้องประสบปัญหาการทำงานช่วงสุดท้ายในอัลบั้มดังกล่าวหลังจากที่ ODB ถูกศาลในแคร์ลิฟอร์เนียร์สั่งจำคุกพอดี ทำให้เพื่อนๆต้องทำงานล่าช้าตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรสามารถหยุดชายคนนี้จากฮิพฮอพได้ เพราะในเพลง Conditioner ท่อนของ ODB นั้นถูกบันทึกเสียงผ่านโทรศัพท์ที่ให้นักโทษคุยกับคนที่มาเยี่ยมนั่นเอง สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ
23.Wu-Tang Clan เป็นผู้คิดค้นเข้าคำแสลงมากมายหลายต่อหลายคำจนทั่วโลกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลายมาถึงปัจจุบันนี้ ที่คุ้นๆกันดีก็คงจะเป็นคำว่า Boo ที่หมายถึงแฟน, Grill ที่หมายถึงปาก และ Cream ที่หมายถึงเงิน เป็นต้น
24.นอกจากจะมีความสามารถอันหลากหลายที่นอกเหนือจากดนตรีแล้ว RZA เอง อีกบทบาทหนึ่งที่สร้างความโดดเด่นไม่แพ้กันนั่นคือการที่เข้าไปมีส่วนในงานแสดงของภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องทั้ง AMERICAN GANGSTER, COFFEE AND CIGARETTE ฯลฯ
อีกทั้งยังเคยผลิตงานดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง Kill Bill ของเควนติน ทาแรนติโน่ และ ต้มยำกุ้ง หรือ THE PROTECTOR ในเวอร์ชั่นอเมริกา และ AMERICAN GANGSTER ของผกก.ริดลี่ย์ สก็อตต์ และด้วยความหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ ภาพยนตร์ และดนตรี แฟนๆ คงเคยชมผลงานการแสดง,เขียนบท, กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาอย่าง THE MAN WITH THE IRON FITS ที่แน่นอนว่าเขาดูแลในส่วนของเพลงและดนตรีประกอบด้วย
RZA ลงทุนทำหนังเรื่องดังกล่าวเพื่อคาราวะหนังชอว์บราเธอร์สและหนังกำลังภายในยุค 70 ตัวภาพยนตร์ได้นักแสดงระดับเออย่าง รัสเซลล์ โครว์, ลูซี่ ลิว, เจมี่ ชุง และได้เควนติน ทาแรนติโน่ มาร่วมงานด้วย ส่วนผลงานการแสดงที่ทำให้เราต้องทึ่งก็คือการรับบทบอสใหญ่สุดร้ายคู่ปรับของจา พนม ยีรัมย์ ใน ต้มยำกุ้ง 2 นั่นเอง
เชื่อว่าหลังจากที่แฟนๆ Wu-Tang Clan ได้อ่านเกร็ดเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับศิลปินที่รักคงจะทำให้เราต้องกลับไปขุดหาฟังหรือชมผลงานของพวกเขากันทันทีอย่างแน่นอน เพื่อเป็นการสดุดีศิลปินกลุ่มฮิพฮอพที่ดีที่สุดที่โลกเคยมีมา ไปพร้อมกันกับการร่วมไว้อาลัยให้กับยอดแร็พเปอร์ผู้ล่วงลับอย่าง ODB เราจะนำเรื่องราวอันสุดแสนประทับใจเกี่ยวกับพวกเขามาฝากกันแบบจุใจแน่นอน วันนี้ ลาไปก่อน สวัสดีจ้า
Comments