top of page

NO.1 HIPHOP MAGAZINE ONLINE IN THAILAND

วงการเพลงในแดนมิคสัญญีกับทฤษฎีหมูปิ้งแถวบ้าน


ภาพประทับใจระหว่างการก่อจลาจลในประวัติศาสตร์ การแข่งขันฮอคกี้ VANCOUVER'S 2011 STANLEY CUP

หลายปีมาแล้วที่ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้เล่นน้ำสงกรานต์เฉกเช่นชายวัยกำลังเฟี้ยวทั่วไปที่บ้างก็ต้องทำงาน บ้างก็ต้องการพักผ่อนก่อนที่จะกลับมาสู้กับชีวิตจริงอีกรอบในวันเปิดทำการที่จะถึงนี้

เกริ่นหัวเรื่องมาหลายคนอาจจะคิดว่ามันมีนัยยะโจมตีอะไรใครหรือเปล่าต้องขอออกตัวก่อน ณ ย่อหน้านี้เลยว่า ไม่ได้มีความตั้งใจจะดิสเครดิตใคร เพียงแต่บังเอิญอยากกินหมูปิ้งในตอนเช้าของวันสงกรานต์ แล้วก็นึกสนุกขับวนรอบๆเพื่อตรวจสอบดูว่าเจ้าไหนน่ากินที่สุดก็เท่านั้นเอง ซึ่งนับเพียงคร่าวๆมีร้านเปิดขายทั้งหมดถึง 5 เจ้าด้วยกัน

1

คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผู้เขียนคงจะทราบกันดีว่าสื่อหรือช่องเกี่ยวกับดนตรีในอดีตนั้นไม่มีให้เราชมกันแพร่หลายเหมือนทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น Chanel V, MTV หรือ BET ยิ่งสื่อวิทยุแล้วยิ่งไปกันใหญ่เพราะบ้านเรารับ Pop Culture เข้ามาเต็มๆ จึงเป็นความโชคดีเล็กน้อยของผู้เขียนที่ได้เปิดโลกดนตรีเร็วกว่าชาวบ้านเขานิดหน่อยจากช่องเคเบิลที่ๆบ้านติดไว้ดูสารคดี, ภาพยนตร์ และรายการบันเทิง จนในปี 1997 (พ.ศ. 2540) ก็กลายเป็นปีที่ทำให้ผู้เขียนได้รู้จักกับฮิพฮอพจริงๆเป็นครั้งแรก ถ้านับจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 20 ปี เข้าไปแล้วที่ส่งอารมณ์ไปโลดแล่นในวงการนี้

2

ร้านหมูปิ้งแถวบ้านผู้เขียนนั้นมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปจากการเคยซื้อมาทั้งหมดแบ่งแยกได้ดังนี้

ร้านที่ 1 หมูปิ้งอร่อย ข้าวเหนียวพอกินได้ ราคาไม้ละ 5 บาท น้ำจิ้มอร่อย หมักหมูเอง

ร้านที่ 2 หมูปิ้งอร่อย ข้าวเหนียวแฉะไปหน่อย ราคาไม้ละ 10 บาท น้ำจิ้มอร่อย รับมาขาย (หมูปิ้งนมสด)

ร้านที่ 3 หมูปิ้งพอใช้ ข้าวเหนียวอร่อย ราคาไม้ละ 5 บาท น้ำจิ้มอร่อย หมักหมูเอง

ร้านที่ 4 หมูปิ้งพอใช้ ข้าวเหนียวพอกินได้ ราคาไม้ละ 10 บาท น้ำจิ้มไม่ได้เรื่อง หมูกหมักเอง

ร้านที่ 5 หน้าตาดูดี หมูไม้ละ 5 บาทเพิ่งเห็นว่ามาเปิดแทนเจ้าเก่า และไม่ทันได้ซื้อ เพราะไปซื้อหมูร้านที่ 1 ซึ่งเป็นร้านประจำ

3

เพลงฮิพฮอพต่างประเทศเพลงแรกที่ผู้เขียนได้ฟังคือเพลง I'll be missing you ของ P.Diddy ที่ได้ Faith Evans กับ 112 มาร่วมฟีทเพื่อเป็นการ Tribute ให้กับ Biggie Smalls ตำนานผู้จากไป ซึ่งจำได้แม่นเลยว่าเพลงนี้ถูกเปิดเกือบทุกช่วง ทุกวันเป็นเวลาเกือบเดือน จนกลายเป็นเพลงฮิตประจำปี 1997 แต่ด้วยความไม่ประสีประสาอะไรกับฮิพฮอพมากนักจึงมัวแต่ติดหล่อกับเพลงของเหล่าบอยแบนด์, เพลงญี่ปุ่น และเพลง R&B เสียมากกว่า โดยศิลปิน R&B ที่เห็นบ่อยๆในขณะนั้นได้แก่ Janet Jackson, Usher, Dru Hill และ Destiny's Child เป็นต้น

4

ร้านหมูปิ้งนั้นคงเปรียบได้กับค่ายเพลงในประเทศไทยในขณะนั้นที่ต่างก็มีเอกลักษณ์ต่างกันไป ไม่ว่าจะ RS, Grammy, Bakery Music, คีตา เรคคอร์ดส และออนป้า ต่างก็เป็นร้านหมูปิ้งแถวบ้านที่พบเห็นได้ตามร้านแผงเทปทั่วไป และบ้านของผู้เขียนเองก็เคยดำเนินธุรกิจขายเทปแผ่นเพลงอยู่พักหนึ่งจึงทำให้ฟังเพลงค่อนข้างเยอะ จนในปัจจุบันนึกแทบไม่ออกแล้วว่ามีศิลปินกี่ร้อยกี่พันคนที่ต้องล้มหายตายจากธุรกิจดนตรีนี้ไปบ้าง ทั้งๆที่เพลงของพวกเขาก็ถูกเปิดในวิทยุจนถึงทุกวันนี้

5

ส่วนเพลงฮิพฮอพของไทยนั้นเริ่มซึมซับเข้าสู่โสดประสาทผู้เขียนอยู่เรื่อยๆ จากเพลงของ Raptor และอื่นๆ ยาวไปจนถึง อัลบั้ม Bangkok ของ Joey Boy ปี พ.ศ. 2541, เริ่มรู้จัก AA Thaitanium พ.ศ. 2543, Dajim ปี 2544 จนมา สิงห์เหนือเสือใต้ เมื่อปี 2546 ตามด้วย B-King และ Siamese Ghetto ที่โลดแล่นในทีวีเมืองไทยช่วงปี พ.ศ. 2547

6

ซึ่งช่วงปี พ.ศ. 2543 ( ค.ศ. 2000) นี้เองที่บรรดาศิลปิน และต่างค่ายต่างดิ้นรนเอาตัวรอดภายใต้เศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะสู้ดี ด้วยปัญหาด้านลิขสิทธิ์ จากการเฟื่องฟูของ mini DV, MP3 และการไรท์แผ่นฟังกันเองมาตั้งแต่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราคิดว่าถ้าหากผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้วางรากฐานไว้ดีเราคงไม่ต้องเจอปัญหาแบบทุกวันนี้

อย่างน้อยๆถ้าจะจับกันจริงๆเชื่อว่าตำรวจไทยคงไม่โง่เง่าเบาปัญญาขนาดนั้น นอกเสียจากว่าเราจะคิดผิด และศิลปินไทยคงอยู่รอดในดินแดนแห่งการฆ่าฟันทางศีลธรรม นี้ได้มากขึ้น กฏหมู่หรือกฏหมายข้อนี้เชื่อว่าเราทุกคนทราบดี

7

จากการสังเกตุวงการเพลงทั้งไทยและต่างประเทศทำให้เราเข้าใจได้ว่า การที่เขาเป็นอย่างที่เขาเป็นได้นั้นมันมีรากฐานมาจากลิขสิทธิ์โดยตรง ด้วยความเป็นสากล ด้วยความยูนีคของวัฒนธรรมดั้งเดิม ทำให้เขากล้าที่จะผลิตงานใดๆออกมาก็ได้ด้วยความรู้สึกนึกคิดที่เป็นอิสระ ไม่เหมือนกับโมเดลธุรกิจดนตรีบ้านเราที่ต้องคอยทำตามยอด ทำตามตลาด เหมือนกับท่องคำว่าขี้ไม่สามารถเดินไปหาส้วม และส้วมก็ไม่เดินไปหาขี้ ไว้อย่างไรอย่างนั้น ถ้าหากจะอ้างว่าก็เพราะคนไทยฟังแบบนี้เลยต้องทำแบบนี้ ผู้เขียนขอไล่ให้ไปอ่านประวัติ เบเกอรี่ มิวสิค อีกสักทีเป็นกรณีศึกษา

8

จริงอยู่ที่อิสระการฟังดนตรีนั้นเป็นของทุกคน แต่การสร้างมาตรฐานก็เป็นสิ่งสำคัญ หากไม่อิงเอนเอาพวกพ้องหรือผลประโยชน์ของตนเองแล้ว เชื่อว่าวงการเพลงไทยน่าจะไปไกลกว่านี้ อย่างน้อยๆก็ควรจะเทียบเคียง อินโดนีเซีย, มาเลย์เซีย, ฟิลิปปินส์ หรือ สิงคโปร์ เค้าได้เสียที

หลายๆคนอาจจะคิดว่าการต่อว่าดนตรีแนวต่างจากที่เราชอบคือการปากพล่อย แต่ผู้เขียนกลับคิดว่ามันคือการรักษาวัฒนธรรม เหมือนกับที่มีคนออกมาด่า ใบเตย อาร์สยาม ที่พยายามทำให้ลูกทุ่งมีภาพลักษณ์หวือหวา และเราก็ไม่ควรจะดูถูกผู้บริโภคด้วยการสร้างในสิ่งที่คิดว่าพวกเค้าอยากดู โดยไม่ได้สนใจว่าเขาอยากดูหรือฟังหรือเปล่า แล้วตัวตนของศิลปินก็จะหายไปด้วย

9

ถ้าเปรียบวงการเพลงตปท. เป็นร้านหมูปิ้ง คงจะอุดมไปด้วยร้านหมูปิ้งเกรด A เต็มไปหมด เพราะเขาคำนึงถึงผู้บริโภคในทางอื่นๆมากกว่าจะกอบโกย อย่างน้อยๆก็ทำให้มันดู "มีค่า" มากขึ้น นอกจากข้าวเหนียวจะไม่แฉะแล้ว เราอาจจะได้เห็นแพ็คเกจที่น่าสนใจอีกด้วย และการแข่งขันในตลาดก็จะไม่ผูกขาด ผู้บริโภคมีขาเขาไปหาซื้อแบบที่เขาชอบเองได้

แต่ในทางกลับกันในประเทศไทยเรากลับใส่ใจผิดจุด จนกลายเป็นว่าเราเร่งหาผลประโยชน์มากกว่าพัฒนารากฐาน ถ้าร้านหมูปิ้ง 1-4 จะทำแบบเดียวกันก็ไม่ว่าหากเราได้รับคุณภาพที่ควรค่าแก่การซื้อมากพอ ไม่ใช่จับแค่คนหล่อ คนสวยมาทำอะไรก็ได้แล้วปล่อยให้ศิลปินที่มีความสามารถต้องเหนื่อยเปล่า และสื่อไทยก็ควรมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้

10

ถ้าเราป้อนและวางรากฐานไว้ดี ทำให้เห็นว่าโมเดลนั้นๆใช้ได้จริง เชื่อว่าไม่มีคนรุ่นหลังที่ไหนจะไม่ทำตาม ก็ต้องลองชั่งใจดูว่าจะขายหมูปิ้งด้วยความเคยชินหรือขายด้วยความคำนึงถึงคุณภาพสูงสุดของตนเอง แล้วให้ผู้บริโภคตัดสินใจ จะเจ๊งจะจบก็แล้วแต่การตลาดและวาสนา

แอบเห็นร้านน้องข้าวมันไก่ เปิดกิจการใหญ่โตที่โคโรลาโด้ จนได้ไปพูดใน TED ต่อหน้าคนอเมริกา ยิ่งทำให้อดนึกไม่ได้ว่าเราจะสร้างรากฐานแบบไหนให้กับวงการเพลงไทย เพื่ีอที่จะได้ไปเฉิดฉายใน ตปท. กับเขาสักที

11

ภายใต้ดินแดนแห่งการฆ่าฟันทางศีลธรรมนี้ เชื่อว่ายังมีร้านหมูปิ้งดีๆอยู่อีกมาก ที่นอกจากจะเพิ่มคุณภาพของวัตถุดิบแล้ว ยังลดราคามาขายในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย กลับกันกับบางร้านที่นอกจากจะขายแพงแล้วยังไม่ใส่ใจอีกว่าข้าวเหนียวมันจะแฉะหรือเปล่า แต่ถ้าหากร้านที่ 1 ดีที่สุด เชื่อว่าร้านอื่นๆคงทำตาม พิมพ์มาตั้งนานเพียงแค่อยากจะบอกว่าอย่างน้อยๆควรคิดเพิ่มคุณภาพ และลดราคาเพื่อให้เหมาะสมกับลูกค้า ไม่ใช่ลดราคาลงมาเพียงเพราะไม่มีคนซื้อ สร้างภาพที่เกินจริงให้น้อยลง หมักเนื้อหมูให้อร่อยขึ้น ส่วนใครจะซื้อร้านไหนก็แล้วแต่ชอบ ส่วนพรุ่งนี้ก็ว่าจะลองไปซื้อหมูปิ้งร้านที่ 5 กินดูบ้าง

กระบี่ร้อยไรห์ม

#เป็นบทความที่มั่วไม่เชื่อมโยงและจับใจความไม่ได้ที่สุดที่เคยเขียนมา


Comentarios


โพสต์ที่เกี่ยวข้อง
โพสต์ยอดนิยม
โพสต์ล่าสุด
Archive
No tags yet.
bottom of page